Buddhist Study   จากพระไตรปิฎก: เงินทองของบาดใจ
เวทัพพชาดก  เอกนิบาต   อัตถกามวรรค  ข้อ ๔๘
   

 

home

ปัญหาถาม-ตอบ

หนังสือธรรมะ

พระไตรปิฎก

อ่านหนังสือธรรมะ


 

 


ใน
อดีตกาล    เมื่อครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองกรุงพาราณสี   พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์   ได้เป็นศิษย์ของพราหมณ์เวทัพพะซึ่งเป็นผู้รู้มนต์วิเศษ   เพียงแต่มองดูฤกษ์ในท้องฟ้าร่ายมนต์เท่านั้น   ฝนแก้ว 7 ประการก็จะตกลงมาจากอากาศทันที    อยู่มาวันหนึ่ง   พราหมณ์ได้ชวนพระโพธิสัตว์ไปธุระที่แคว้นเจตี   ระหว่างทางที่จะไปนั้นเป็นป่าใหญ่   มีโจรเรียกค่าไถ่ (เปสนกโจร) 500 ซุ่มอยู่    พวกโจรได้จับเวทัพพพราหมณ์ไว้   แล้วบังคับให้ศิษย์  คือ   พระโพธิสัตว์ไปหาทรัพย์มาไถ่   มิฉะนั้นจะฆ่าพราหมณ์เสีย    ก่อนจะไปพระโพธิสัตว์บอกอาจารย์ให้มีความอดทนเพียง 2-3 วัน ก็จะนำทรัพย์มาไถ่อาจารย์ได้   ขอร้องมิให้อาจารย์ร่ายมนต์เรียกฝนแก้ว 7 ประการ   โดยเฉพาะวันนั้นเป็นวันมีฤกษ์ของฝนเงินฝนทองด้วย

พระโพธิสัตว์จากไปแล้ว   โจรได้จับพราหมณ์มัดให้นอนแซ่วอยู่ ขณะนั้นพราหมณ์มองเห็นจันทร์เต็มดวง   ทั้งเห็นฤกษ์ที่จะเรียกฝนเงินฝนทองจากอากาศได้ด้วย   จึงคิดว่าตนควรร่ายมนต์วิเศษเรียกฝนเงินฝนทองเอาทรัพย์ให้โจร   แล้วโจรคงจักปล่อยตนไป   จึงเรียกหัวหน้าโจรมาถามถึงวัตถุประสงค์การจับตนไว้    เมื่อเขาบอกว่าต้องการทรัพย์   พราหมณ์ร่ายมนต์เรียกทรัพย์จากอากาศทันที   พวกโจรต่างพากันกอบโกยเอาทรัพย์สินเหล่านั้น   บรรจุในถุงและห่อตามต้องการแล้วนำติดตัวไป   ฝ่ายพราหมณ์ก็เดินตามหลังพวกโจรไป   ขณะเดียวกันโจร 500 อีกกลุ่มหนึ่ง   เห็นทรัพย์สินของโจร 500 พวกแรกมากมายจึงเข้าปล้นทันที   แล้วจับโจรพวกแรกไว้   เมื่อถูกถามถึงแหล่งทรัพย์   โจรพวกแรกก็บอกว่าได้มาจากพราหมณ์ผู้มีมนต์วิเศษ   พร้อมกับชี้ไปยังพราหมณ์นั้น   โจรพวกหลังจึงปล่อยโจรพวกนั้นไป   แล้วหันมาจัดการกับพราหมณ์นั้นทันที    แล้วบอกให้ร่ายมนต์   เรียกทรัพย์มาให้พวกตนบ้าง

ฝ่ายพราหมณ์ก็บอกให้พวกโจรรอไปอีกหนึ่งปี   เพราะฤกษ์ฝนเงินฝนทองนั้น   ปีหนึ่งจะมีได้เพียงครั้งเดียว   พวกโจรไม่พอใจหาว่าพราหมณ์นั้นบ่ายเบี่ยง   จึงฟันร่างพราหมณ์นั้นขาดเป็นสองท่อน   ครั้นแล้วรีบตามโจรพวกแรกไป   และได้ฆ่าโจรพวกแรกตายหมด   พร้อมทั้งยึดทรัพย์นั้นไป   แล้วพวกโจรพวกหลังนี้ก็ยังต้องฆ่ากันเองอีกเพื่อแย่งชิงทรัพย์   จนในที่สุดเหลือเพียง 2 คน

โจรทั้ง 2 คนนั้นช่วยกันขนย้ายทรัพย์เข้าไว้ในที่พัก   ต่างคนต่างโลภในทรัพย์อยากจะได้มาเป็นของตนเพียงผู้เดียว   จึงไม่ไว้วางใจกัน    ขณะคนหนึ่งนำข้าวสารไปหุง   อีกคนหนึ่งถือดาบคอยเฝ้ารักษาทรัพย์ไว้   โดยคนที่นำข้าวไปหุงคิดว่าถ้าโจรอีกคนยังอยู่   ทรัพย์จะถูกแบ่งเป็นสองส่วน   ตนหุงข้าวเสร็จรีบกินเสียก่อน   แล้วจะใส่ยาพิษไว้ในอาหารที่เหลือ   ฝ่ายคนที่คอยพิทักษ์ทรัพย์ก็คิดว่า   ถ้าเขาคนนั้นยังอยู่ทรัพย์ก็จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน  พอเขายกหม้อข้าวเข้ามา   ตนจะฟันมันขาดเป็น 2 ท่อนทันที    ครั้นแล้วโจรทั้งสองคนก็ทำตามที่ตนคิดไว้ทุกประการ   โดยโจรที่หุงข้าว   เมื่อกินอิ่มแล้วก็ได้นำข้าวที่โรยยาพิษมาให้โจรที่คอยอยู่   พอก้มลงวางข้าวเท่านั้นเอง   คนที่คอยอยู่ก็ฟันด้วยดาบจนขาดเป็น 2 ท่อน   ครั้นแล้วก็มานั่งกินข้าวที่มียาพิษ   ไม่นานก็ตายไปอีกคน

ครั้นพระโพธิสัตว์กลับมาก็เห็นสภาพเช่นนั้น   จึงได้แต่สังเวชใจ   กล่าวสุภาษิตออกมาว่า

"ผู้ใดปราถนาประโยชน์   โดยเหตุมิใช่อุบาย   ผู้นั้นย่อมเดือดร้อน   โจรชาวเจติรัฐฆ่าพราหมณ์เวทัพพะเสียแล้ว   คนเหล่านั้นก็พลอยถึงความย่อยยับหมดสิ้น"

 

หมายเหตุ:  คัดลอก/ย่อความ จาก "พระไตรปิฎกสำหรับเยาวชน"   

home   ปัญหาถาม-ตอบ    หนังสือธรรมะ   
พระไตรปิฎก   อ่านหนังสือธรรมะ

 

Click Here!

 



watbowon04.jpg (4712 bytes)